ต้องพิจาณาอะไรบ้าง? เครื่องฟอกอากาศที่ดีจะต้องทำงานได้เงียบและสามารถลดอนุภาคฝุ่นละอองต่างๆ ภายในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งวัดได้จากอัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อ ชั่วโมงและมีค่า (CADR) ที่สูง ว่าแต่ CADR มันคืออะไรหล่ะ?
ผลการทดสอบ CADR จะถูกระบุเป็นตัวเลขที่มีหน่วยเป็นคิวบิกฟุตต่อวินาที (CFM) จำนวนสามชุด ชุดแรกคืออัตราการทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อนควันบุหรี่ ชุดที่สองคืออากาศที่มีฝุ่นละออง และชุดสุดท้ายคืออากาศที่ปนเปื้อนละอองเกษรดอกไม้ ซึ่งตัวเลขยิ่งมาก แสดงว่าประสิทธิภาพการกรองยิ่งดี (แนะนำว่าตัวเลขทั้งสามชุดควรไม่ควรต่ำกว่า 125) และตัวเลขนี้ยังบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของเครื่องฟอกในแง่ของปริมาณอากาศ (Air Volume) ที่ถูกทำความสะอาดผ่านระบบกรองด้วย
แล้ว Air Volume (หรือบางยี่ห้อจะใช้คำว่า Air Flow) มันสำคัญยังไง? … ลองนึกภาพสระว่ายน้ำสองสระที่ผ่านการใช้งานมานานจนน้ำเริ่มสกปรกมีสีขุ่นมัว ทั้งสองสระมีการติดตั้งแผ่นกรองที่มีคุณภาพเท่ากันทุกอย่าง จะแตกต่างกันก็แค่เครื่องปั๊มน้ำ โดยเครื่องปั๊มในสระที่หนึ่ง สามารถส่งน้ำที่ผ่านการกรองแล้วได้ ¼ ของสระทุกๆ ชั่วโมง
ผ่านไปสองชั่วโมง น้ำในสระที่หนึ่งก็เริ่มใสขึ้นครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับก่อนเริ่มทำความสะอาด และจะสะอาดหมดทั่วทั้งสระหลังจากผ่านไป 4 ชั่วโมง
ในขณะที่สระที่สอง ปั๊มน้ำสามารถส่งน้ำสะอาดออกมาได้ชั่วโมงละ 1/10 หมายความว่า คุณจะต้องรอถึง 10 ชั่วโมงกว่าน้ำทั้งหมดในสระจะสะอาดนั่นเอง
ตัวเลขอีก 2 ชุดที่ต้องพิจารณาด้วยคือ Area Coverage (ขนาดห้องที่เครื่องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ซึ่งควรวัดขนาด กว้างxยาว ของห้องไว้ก่อนจะไปซื้อ และค่า Air Changes per Hour หรืออัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศสะอาดให้กับห้องภายในหนึ่งชั่วโมง เช่น หากระบุค่าเป็น ‘5’ ก็หมายความว่า อากาศให้ห้องจะถูกเปลี่ยนถ่ายให้เป็นอากาศที่สะอาดให้คุณหายใจได้อย่างสด ชื่นถึง 5 รอบทุกชั่วโมง!

นอกเหนือจากนี้ถือเป็นเรื่องรอง ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชัน ซึ่งถ้ายิ่งง่าย ปุ่มน้อย ยิ่งก็ยิ่งดี บางรุ่นอาจะเป็นระบบแมนนวลทั้งปุ่มเปิดปิดและปุ่มควบคุมระดับความแรง ซึ่งก็ดีคือ (น่าจะ)ทนทานกว่า ในขณะที่บางรุ่นจะเป็นปุ่มแบบดิจิตอล มีจอแสดงผล ฯลฯ ซึ่งเรื่องความสวยงามนั้นสุดแล้วแต่ใครจะมอง
แต่ที่สำคัญคือระบบนี้ควรจะมี Auto Mode ที่สามารถปรับระดับความแรงของมอเตอร์ได้โดยอัตโนมัติ (รุ่นลักษณะนี้จะมีเซนเซอร์ตรวจสภาพอากาศในห้องด้วย) ข้อเสียก็คือ (อาจจะ)พังง่ายกว่า และอะไหล่แพงกว่า และบางรุ่นก็แถมฟังก์ชันตั้งเวลาเปิด-ปิดการทำงาน หรือแม้กระทั่งรีโมทคอนโทรลมาให้ด้วย อีกเรื่องที่ต้องไม่ลืมก็คือ เรามักจะเปิดใช้เครื่องฟอกตอนกลางคืน ดังนั้นมันจึงควรต้องทำงานได้เงียบมากๆ ที่เหลือก็พวกอะไหล่ไส้กรอง ควรปรึกษาพนักงานขายว่าหาซื้อได้ยากง่ายแค่ไหน ราคาประมาณเท่าไหร่ จะใช้งานได้ยาวนานแค่ไหน หากสามารถถอดทำความสะอาดได้ด้วยก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น